วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554
10 เมืองสวย ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพยามค่ำคืน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไหนใครชอบถ่ายรูปกันบ้าง แสดงตัวกันหน่อยเร็ว โห! มีเยอะใช่เล่นเลยแฮะ ถ้างั้นเตรียมตัวของคุณรวมถึงอุปกรณ์ในการถ่ายภาพต่าง ๆ กันให้พร้อม เพราะนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป กระปุกดอทคอมขออาสาเป็นไกด์นำเที่ยว พาทุกท่านไปยัง 10 เมืองสำคัญ ๆ ทั่วโลกที่มีความสวยงาม ควรค่าแก่การถ่ายภาพเก็บไว้อย่างมาก
โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟ คอยเพิ่มความงดงามให้กับเมืองด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งเพิ่มความสวยงามและน่ากดชัตเตอร์เข้าไปใหญ่ ว่ามาขนาดนี้คงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมครับ ว่าทั้ง 10 เมืองนั้นจะมีที่ไหนบ้าง และจะสวยงามตามที่พูดหรือเปล่า มาพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองได้เดี๋ยวนี้เลย !!
1. กรุงเทพมหานคร (Bangkok)
เริ่มกันที่เมืองแรกก็ไม่ต้องมองไปไหนไกลทั้งนั้น เมืองหลวงของประเทศไทยเราอย่างกรุงเทพมหานครนี่เอง กรุงเทพฯ ของเราได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงาม ตระการตา การคมนาคมที่สะดวกสบาย แหล่งช็อปปิ้งราคาถูก ศิลปะและประเพณีต่าง ๆ รวมถึงมิตรภาพและรอยยิ้มของผู้คน นี่เองจึงเป็นเสน่ห์ที่มัดใจชาวต่างชาติรวมถึงคนไทยอย่างเรา ๆ ทุกคนให้ประทับใจ และชื่นชอบเมืองหลวงแห่งนี้กันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
2. เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (Rio de Janeiro, Brazil)
เมืองริโอ เดอ จาเนโร แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายหาดโกปากาบานา (Copacabana) และอีปาเนมา (Ipanema) มีเทศกาลรื่นเริงประจำปีมากมาย นอกจากนี้ ยังสภาพบ้านเมืองที่สวยงามตามสไตล์ยุโรปแบบโปรตุเกส ไว้คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมากมาย ที่สำคัญเมืองนี้ยังได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ให้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมโอลิมปิก 2016 อีกด้วย
3. เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา (Toronto, Canada)
เมืองโตรอนโต้เป็นหนึ่งในเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมของผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ มีกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่สวยงาม ชีวิตในยามค่ำคืน ย่านช้อปปิ้งสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้เมืองโตรอนโต้ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของโลก ซึ่งหากคนรักกล้องได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนที่นี่แล้วล่ะก็ จะต้องไม่พลาดที่จะรัวชัตเตอร์เก็บภาพความประทับใจต่าง ๆ กลับบ้านอย่างแน่นอน
4. เมืองลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Las Vegas, USA)
นี่คือสถานที่ที่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลกต่างนานนามกันว่าเป็น "เมืองแห่งบาป" (Sin City) เพราะเมืองทั้งเมืองขึ้นชื่อลือนามด้านกิจการการพนันที่ใหญ่โต รวมถึงอาคาร โรงแรม คาสิโนอีกมากมาย ที่พร้อมด้วยความอลังการงานสร้างชิดที่ว่าตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด และยังเต็มไปด้วยเสน่ห์และแสงสีต่าง ๆ มากมาย นี่เองจึงเป็นแรงดึงดูดหลักใ ห้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
5. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (London, UK)
กรุงลอนดอนจัดเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความพร้อม ในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทวีปยุโรป โดยเฉพาะสถานที่ชื่อก้องโลกทั้งหอนาฬิกาบิกเบน (Big Ben) ชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย (London Eye) รถโดยสารประจำทาง รวมถึงยังเป็นแหล่งกำเนิดของยอดสายลับรหัส "007" ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง "เจมส์ บอนด์" (James Bond) อีกด้วย
6. กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย (Moscow, Russia)
อดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ที่สำคัญในฤดูหนาว เมืองทั้งเมืองยังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งเมื่อถ่ายภาพออกมาแล้ว จะยิ่งทำให้ภาพของเมืองแห่งนี้มีความสวยงามแปลกตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil's Cathedral) อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโกด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งมีความสวยงามและเหมาะแก่การถ่ายภาพไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลกนี้เลยล่ะ
7. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris, France)
กรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก มีอิทธิพลสำคัญ ๆ มากมายรวมอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การศึกษา ความบันเทิง สื่อหลากแขนง วงการแฟชั่น ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์และความเฟื่องฟูของศิลปะ จึงทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีผู้คนมากมายอยากเดินทางมาที่นี่อย่างน้อย ๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี และอีกสถานที่หนึ่งซึ่งขาดไม่ได้ หากไม่มาที่นี่แล้วล่ะก็ จะเหมือนว่ามาไม่ถึงประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว ที่แห่งนั้นก็คือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) นั่นเอง
8. กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก (Copenhagen, Denmark)
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักนางเงือก (Mermaid) กันดีอยู่แล้ว แต่รู้หรือเปล่าว่าตำนานนางเงือกนั้นถือกำเนิดขึ้นจากที่ไหน ถ้ายังนึกไม่ออกล่ะก็ เราขอเฉลยเลยว่า กรุงโคเปนเฮเก้นแห่งนี้ คือแหล่งกำเนิดของตำนานนางเงือกที่มาจากเทพนิยายของ "ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน" (Hans Christian Andersen) จนมีชื่อเสียงและเป็นขวัญใจของคุณหนู ๆ ไปทั่วโลก นอกจากนั้นแล้ว เมืองแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น "สวรรค์แห่งเมืองท่า" อีกด้วย เพราะเมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญของทวีปยุโรป แถมยังเงียบสงบและเป็นธรรมชาติอย่างมากอีกต่างหาก
9. เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี (Cologne, Germany)
นี่เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมนี มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง มหาวิหารเคลิน์โดม (Kolner Dom) มหาวิหารที่ใหญ่โตอลังการที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งลักษณะพิเศษคือมียอดแหลมสองยอด และมีเพดานที่มีความสูงมากกว่ามหาวิหารที่อื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีเทศกาลคานิวาล (Carnival craziness) ที่ขึ้นชื่อลือชา ซึ่งจะจัดกันในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที และ 11 วินาที ของทุกปี มีการแสดงต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะวันแรกและวันสุดท้ายของงาน ที่ผู้คนจะสนุกสุดเหวี่ยงกันแบบไม่สนใจใครเลยด้วย
10. เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (Sydney, Australia)
มาปิดท้ายด้วยอันดับที่ 10 อย่างเมืองซิดนีย์ เมืองท่าที่มีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีโรงโอเปร่า (Opera House) ที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปไกลทั่วโลก รวมถึงชายหาดบอนได (Bondi Beach) ชายหาดชั้นยอดที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่ตลอดเวลาในหน้าร้อน ซึ่งอยู่ใกล้กับใจกลางเมืองมากที่สุด อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวมากเกินไป แถมยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2000 มาแล้วอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับทั้ง 10 เมืองสุดสวยที่เราพาทุกท่านไปเยี่ยมชมกัน มีเมืองไหนที่ถูกใจเป็นกรณีพิเศษกันบ้างไหมเอ่ย เก็บภาพกันมาแบบจุใจกันหรือเปล่า ถ้ายังก็สามารถย้อนกลับไปชมภาพสวย ๆ ของแต่ละเมืองกันได้แบบอันลิมิตเลยนะครับ กระปุกดอทคอมไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ส่วนทริปพาเที่ยว10 เมืองสวยที่เหมาะถ่ายภาพยามค่ำคืนคงจบลงแต่เพียงเท่านี้ ส่วนโอกาสหน้าเราจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ ก็อย่าลืมติดตามชมกันได้ที่นี่เลย ส่วนวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับทุกท่าน...
10 ถนนมหัศจรรย์ที่ควรไปท่องเที่ยว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ถนนบนโลกนี้มีมากมายหลายสาย หลายเส้นทาง แต่คุณหรือไม่ว่าจะมีสักกี่เส้นที่มีเรื่องราวดี ๆ คอยบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ตามทางเหล่านั้น และจะทำให้คุณรู้สึกว่า บางที "ระยะทาง" สำคัญกว่า "จุดหมายปลายทาง" วันนี้เราจึงมีข้อมูลดี ๆ จาก opentravel.com มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ดูกันค่ะ
ภาพประกอบโดย Songquan Deng/ Shutterstock.com
1. ถนนบรอดเวย์ - นิวยอร์ค์ ซิตี้ สหรัฐอเมริกา
แท้จริงแล้วถนนแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมสำหรับชาวนิวยอร์คสักเท่าไหร่ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่ที่คนมักเข้ามารวมตัวบนถนนแห่งนี้ บริเวณตึกไทม์ สแควร์) แต่บรรดานักท่องเที่ยวมักจะเลือกเข้ามาเยี่ยมเยียนศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรม ภาพยนตร์เป็นอันดับแรก และบริเวณรอบ ๆ ไทม์ สแควร์ ก็มีบิลบอร์ดเป็นจำนวนมาก ที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวหรือแม้กระทั่งชาวนิวยอร์คเอง และเชื่อหรือไม่ว่าถนนบรอดเวย์สายนี้เป็นหนึ่งในถนนสายที่ยาวที่สุดในโลก และสำหรับใครที่ไม่ชอบบรรยากาศถนนที่เสียงดัง เต็มไปด้วยความบันเทิงมากนัก ที่นี่เหมาะกับคุณมาก ๆ เลยล่ะ
2. ถนนฌ็องเซลิเซ่ - กรุงปารีส ฝรั่งเศส
ฌ็องเซลิเซ่ถือเป็นถนนที่โด่งดังที่สุดสายหนึ่งในโลก และเป็นถนนที่มีความสวยงามที่สุดในกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนนสายนี้ไปสู่ประตูชัยนโปเลียน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ระหว่างทางจะเรียงรายไปด้วยความหรูหราของสินค้าและแฟชั่น และยังเป็นที่ตั้งของภัตตาคาร ร้านอาหารมากมาย เป็นถนนแห่งความบันเทิงและความหลากหลายของผู้คน
3. คลองเวนิส - เมืองเวนิส อิตาลี
หากจะเรียกว่าถนนก็ไม่เชิง เพราะถนนสายนี้เป็นสายน้ำตลอดแนว ซึ่งหากใครมีโอกาสได้มา เวนิส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดเมืองแห่งความโรแมนติก ควรจะมาล่อง "เรือกอนโดลา" ชมความงาม 2 ข้างทางของคลองแห่งนี้ โดยที่ระหว่างทางคุณสามารถชื่นชมความงามของบ้านเรือนริมน้ำ และที่สำคัญจะต้องไปข้าม "สะพานริอัลโต" ซึ่งครั้งก่อนเคยเป็นสะพานเพียงแห่งเดียวที่สามารถใช้ข้ามคลองได้ และหากใครมาแล้วไม่ได้ข้าม ถือว่ามาไม่ถึงที่ นอกจากนี้ ถือว่าเป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งด้วย
ภาพประกอบโดย Andy Z./ Shutterstock.com
4. ถนนสตริป - นครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
"เมืองแห่งคนบาป" เป็นฉายาอันเลื่องลือของลาส เวกัส ซึ่งอยู่ขนานไปกับถนนลาส เวกัส หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ "เดอะ สตริป" มากกว่า เดอะ สตริปเป็นอีกที่หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมความบันเทิงต่าง ๆ ไว้ทีนี้ และฉายาเมืองแห่งคนบาป ก็มาจากที่นี้เจริญเติบโตจากธุรกิจการพนัน เพราะมีคาสิโนเป็นจำนวนมาก มีโรงเรมที่พักสุดหรูมากมาย เต้นท์คณะละครสัตว์ หอไอเฟลจำลอง นอกจากนั้นยังมีการแสดงน้ำพุที่เบลลาจิโอ สมกับที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "นครที่ไม่เคยหลับใหล" จริง ๆ
5. ซลาตา ยูลิคก้า - ปราก สาธารณรัฐเชค
ซลาตา ยูลิคก้าหรือ โกลเด้น เลน (เรียกตามภาษาอังกฤษว่า ถนนสายทองคำ) เป็นถนนสายสั้น ๆ แต่กลับมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เส้นทางไปบรรจบกับ ปราสาทกรุงปราก หนึ่งในสถานที่สุดน่ารัก ที่มักจะมีคนเอาไปเป็นแบบประดิษฐ์เป็นของที่ระลึก และตามแนวถนนสายนี้เรียงรายด้วยตึกแถวหลังเล็ก ๆ สีสดใส ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปเก็บภาพเป็นที่ระลึก และตามประวัติที่เล่ากันมาว่า ที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านพักของทหารยามเฝ้าพระราชวัง และยังเคยเป็นสถานที่ซึ่งนักเคมีได้ทดลองที่จะเปลี่ยนเหล็กให้เป็นทองคำ จึงเป็นที่มาของชื่อ โกลเด้น เลน
6. ถนนลอมบาร์ด - ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สุดยอดถนนที่ได้ชื่อว่าคดเคี้ยวที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดและท้าทายนักขับรถทั้งหลาย ที่ต้องการจะมาพิสูจน์ฝีมือกับเส้นทางเดินรถทางเดียวอันสูงชัน และโค้งหักศอก 8 โค้งอันลือลั่นแห่งนี้ นอกจากนั้น 2 ข้างทางก็ยังมีการตกแต่งดอกไม้เพิ่มความสวยงามให้กับถนนแห่งนี้อีกด้วย
ภาพประกอบโดย nito / Shutterstock.com
7. ลา แรมบลาส์ - เมืองบาร์เซโลน่า สเปน
ลา แรมบลาส์ เป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่าง พลาซ่า คาตาลุนย่า กับ อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นสถานที่นัดพบปะยอดนิยมของชาวคาตาลัน แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นเวทีสำหรับเหล่าศิลปินข้างถนน เพื่อแสดงผลงานของตัวเอง คุณจะไม่มีวันเบื่อกับการทอดน่องชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ระหว่างถนนเส้นนี้อย่างแน่นอน สูดลมหายใจลึก ๆ ราวกับว่าเดินผ่านร้านดอกไม้อันหอมหวล แล้วปล่อยให้หูรื่นรมย์ไปกับเสียงนกร้องในตลาดนกอันมีชื่อเสียง ส่งรอยยิ้มงาม ๆ ให้กับผู้ที่เดินผ่านไปมา และจงสนุกกับชีวิตแบบคนทางใต้ดูสิ แค่นี้ก็สุขเป็นไหน ๆ
ภาพประกอบโดย Nadiia Gerbish / Shutterstock.com
8. ถนนอ็อกซ์ฟอร์ด - กรุงลอนดอน อังกฤษ
สุดยอดแหล่งช้อปปิ้งที่แสนจะคึกคักที่สุดของยุโรป คงต้องยกให้กับย่านถนนอ็อกซ์ฟอร์ดแห่งนี้ ซึ่งมีร้านค้าให้ขาช้อปได้เดินเลือกซื้อถึงประมาณ 550 ร้าน และเปิดทุกวัน โดยที่บรรดาห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายนั้นเริ่มมาตั้งแต่ มาเบิ้ล อาร์ช ไปจนถึง อ็อกซ์ฟอร์ด เซอร์คัส นอกจากนี้ ถนนเส้นนี้ยังเป็นเหมือนแหล่งรวมแฟชั่นแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร ให้คุณได้ติดตามเทรนด์แฟชั่นนี้ได้อีกด้วย ฉะนั้น หากใครมีโอกาสได้มาลอนดอน คุณต้องมาเยือนทีนี่สักครั้ง
9. ถนนออกัสตา - เมืองลิสบอน โปรตุเกส
ถนนออกัสตา ตั้งอยู่กลางจตุรัสของใจกลางเมืองลิสบอน แน่นอนเลยว่าคุณจะต้องหลงรักเจ้าถนนสายนี้แน่ เพราะมันเป็นสถานที่ที่จะได้พบกับผู้คนอันหลากหลาย และสิ่งแปลกตามากมายที่สามารถพบเห็นได้บนถนนแห่งนี้ ตั้งแต่นักธุรกิจผู้เร่งรีบ นักท่องเที่ยว คนขายดอกไม้ คนขายถั่ว และบรรดาเหล่าศิลปินทั้งหลาย ที่จะมอบความบันเทิงบนท้องถนนไปตลอดทาง ทำให้ถนนที่ดููเหมือนจะแสนธรรมดา กลับน่าสนใจขึ้น แถมยังมีร้านกาแฟริมถนน ให้คุณจิบกาแฟและทอดอารมณ์ชื่นชมกับบรรยากาศรอบ ๆ ตัว แถมยังมีแหล่งช้อปปิ้ง ตลาด และร้านรวงต่าง ๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย
10. อุนเทอร์เดินลันเดิน - กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี
คุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อถนนี้มาก่อนเลย แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นที่ ๆ ดึงดูดความสนใจผู้คน ให้เข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เพราะ "อุนเทอร์เดินลันเดิน" ได้ชื่อว่าเป็นหัวใจหลักส่วนหนึ่งทางประวัติศาสตร์ของกรุงเบอร์ลิน ช่วงกลางวันนั้นนักท่องเที่ยวจะไปตามเก็บภาพอันงดงาม ตระการตาทางประวัติศาสตร์ที่มีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ส่วนยามค่ำคืนมาเยือน ก็เปลี่ยนอารมณ์มาเที่ยวคลับสุดชิค เก๋ ๆ เร่งจังหวะชีวิตตัวเอง
เป็นยังไงบ้างสำหรับถนนสายสำคัญที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต จริง ๆ แล้ว มันมีอะไรมากกว่าถนนธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือความงามและบรรยากาศโดยรอบของถนนเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ให้เดินทางไปเที่ยวสักครั้ง ถ้ามีโอกาสก็ลองไปดูกันนะคะ
9 ตลาดคริสต์มาสในยุโรป ที่น่าไปสัมผัส
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
"Jingle bells, jingle bells, jingle all the way. Oh what fun it is to ride. In a one-horse open sleigh..." ใกล้จะถึงเทศกาลวันคริสต์มาส (Christmas) ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีแล้ว ก็ต้องขอร้องเพลง "Jingle Bells" เพื่อเป็นการเสริมบรรยากาศกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงวันคริสต์มาส แน่นอนว่านี่คือประเพณีของชาวตะวันตกที่มีความเชื่อติดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มประเทศในยุโรปด้วยแล้ว ถือได้ว่ามีการตื่นตัวในการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้กันมากมายเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง กระปุกดอทคอมจึงขอพาทุก ๆ ท่าน ไปเยี่ยมชมเมืองสำคัญ ๆ ในยุโรป ที่จะมีการจัดเป็นตลาดเพื่อขายของและแสดงผลงานต่าง ๆ นานาแบบคึกคัก และเป็นสีสันในเทศกาลคริสต์มาสอย่างมาก ... มาดูกันว่าเมืองสำคัญ ๆ ในยุโรปนั้นจะมีที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันได้เลย
กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (Vienna, Austria)
ตลาดการค้าที่กรุงเวียนนาแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของศาลาว่าการของเมือง และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของโลกอีกด้วย เพราะตลาดนี้เริ่มมีการค้าขายตั้งแต่เมื่อ 700 กว่าปีที่แล้ว และยิ่งในช่วงเทศคริสต์มาสด้วยแล้วล่ะก็ ที่นี่จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายตลอดความยาวของตลาด มีการประดับตกแต่งสถานที่สวยงามตลอดทาง
เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส (Strasbourg, France)
ตลาดในเมืองสตราส์บูร์กนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ของโบสถ์อันสวยงามที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1590 ในแต่ละปี จะมีการจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่มากขึ้น ๆ ทุกปี และไฮไลท์เด่น ๆ ที่ห้ามพลาด ก็คือจะมีงานฝีมือสวย ๆ ทั้งจากเด็ก ๆ และผู้ที่มีหัวศิลป์ของเมืองมาขายที่งานนี้อย่างคับคั่ง
ภาพประกอบโดย gallimaufry / shutterstock
เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี (Cologne, Germany)
ถ้าคุณ ๆ ได้มีโอกาสไปที่เมืองโคโลญจน์แล้วล่ะก็ จะเห็นได้เลยว่าที่เองแห่งนี้มีการจัดตลาดคริสต์มาสมากถึง 7 แบบ 7 สไตล์ และด้วยความหลากหลายนี้ ทำให้ในช่วงคริสต์มาสของแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี้มากกว่า 4 ล้านคนเลยทีเดียว จุดเด่นสำคัญของเมืองนี้อยู่ "มหาวิหารโคโลญจน์" (Gothic Dom Cathedral) สถาปัตยกรรมที่สร้างในแบบโกธิก ที่จะมีการรวบรวมผลงานศิลปะ งานฝีมือและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ลองร่วมสนุกกันมากมายเต็มไปหมด
เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี (Dusseldorf, Germany)
ตลาดคริสต์มาสที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่สวยที่สุดในเยอรมนี ด้วยการออกแบบซุ้มขายของต่าง ๆ ที่มีกว่า 210 ซุ้ม ให้มีความโดดเด่นแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่ใด ๆ ในโลก และจะมีของต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส ทั้งปฏิทินคริสต์มาส ช็อกโกแล็ต รวมถึงของประดับตกแต่งต่าง ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งขนาด 450 ตารางเมตร ไม้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวกันอีกด้วย
เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน (Gothenburg, Sweden)
นี่คือตลาดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวีเดน โดยจุดเด่นที่สร้างความประทับใจนั่นก็คือ การประดับตกแต่งด้วยสีสันของแสงไฟ ที่เมื่อในยามค่ำคืนแล้วจะสว่างไสวสวยงาม และดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และหากใครที่อยากหากิจกรรมสนุก ๆ ท้าทายทำด้วย ก็จะมีลานสเก็ตน้ำแข็งและลานสกีไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี (Nuremberg, Germany)
แม้ว่าที่เมืองนูเรมเบิร์กแห่งนี้ จะมีซุ้มขายของในตลาดคริสต์มาสเพียงแต่ 180 ซุ้ม แต่ทั้ง 180 ซุ้มที่ว่ากลับมีความโดดเด่นที่ลงตัวในเรื่องการจัดตามประเพณีโบราณ และความสวยงามของสถานที่ราวกับภาพวาดยังไงอย่างงั้น อีกทั้งถ้าเป็นไปได้ ก็ขอแนะนำให้ลองไปอยู่ตั้งแต่ในวันเริ่มงานแรก ๆ ไปดูผลงานของเด็ก ๆ จากโรงเรียนในเมือง ที่มักจะนำของประดับตกแต่งที่เป็นฝีมือของพวกเขาออกมาจำหน่าย เป็นการสร้างบรรยากาศวันคริสต์มาสให้ดูอบอุ่นได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
กรุงบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Basel, Switzerland)
ตลาดคริสต์มาสในกรุงบาเซิลเป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และในช่วงนั้น ที่กรุงบาเซิลจะกลายเป็นเมืองแห่งฤดูหนาวที่สวยงามไปโดยปริยาย เพราะสภาพอากาศที่มีหิมะปกคลุม ยิ่งเพิ่มบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสได้เป็นอย่างดี และในปีนี้ก็แว่ว ๆ กันมาว่าจะมีการเพิ่มเติมซุ้มขายของ และสถานที่ที่น่าสนใจของตลาดให้เพิ่มมากกว่าปีก่อน ๆ อีกด้วย
เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Zurich, Switzerland)
แม้ว่าที่อื่น ๆ จะจัดตลาดกันในที่กลางแจ้ง แต่สำหรับที่เมืองซูริค ที่กลางแจ้งพวกไม่สนแต่อย่างใด หากแต่จะจัดตลาดคริสต์มาสกันในสถานีรถไฟเลยต่างหาก เพราะเนื้อที่ของสถานีรถไฟซูริคนั้นมีความใหญ่โตและกว้างขวาง นี่เองจึงทำให้ตลาดคริสต์มาสในเมืองซูริคได้รับการยกย่องให้เป็นตลาดในร่มที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งไม่ว่าฝนหรือหิมะจะตกมาหนาขนาดไหน ที่นี้ก็สามารถจัดงานได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องกลัวสภาพอากาศจะไม่เป็นใจ
เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ (Birmingham, United Kingdom)
ชาวอังกฤษในเมืองเบอร์มิงแฮมจะมีการฉลองตลาดคริสต์มาสตามแบบฉบับของชาวเยอรมัน ด้วยการนำเอาของขึ้นชื่อทั้ง ไส้กรอกย่าง ไวน์ และการตกแต่งสถานที่ให้เป็นตามสไตล์เยอรมัน พร้อมกับแปลงโฉมพื้นที่จัดงานและตั้งชื่อขึ้นใหม่ให้เป็น "ตลาดคริสต์มาสแฟรงก์เฟิร์ต" โดยจะมีซุ้มขายของอยู่เต็มพื้นที่มากกว่า 180 ซุ้ม และถือได้ว่าเป็นตลาดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้
เห็นความคึกคักและบรรยากาศของวันคริสต์มาสแบบนี้แล้ว บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่น่าไปเที่ยวชมมาก ๆ เอาเป็นว่าถ้า "ซานต้า ครอส" เห็นใจและได้มาอ่านข้อความนี้ ก็อย่าลืมพาเรา ๆ ท่าน ๆ ชาวกระปุกดอทคอมไปเที่ยวตลาดคริสต์มาสเหล่านี้กันด้วยนะครับซานต้า..!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)